วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เปิดประตูสู่ เกาะสาก

ปิดประตูสู่ เกาะสาก

Sea

เกาะสาก

เกาะสาก

เกาะสาก

เกาะสาก
 
เกาะสาก

เกาะสาก
 

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ nidya09

          ถ้าเอ่ยถึง "พัทยา" จังหวัดชลบุรี หลายคนคงนึกถึงเมืองแห่งแสงสี ที่นักท่องเที่ยวจากนานาประเทศเดินทางมาสัมผัสความครื้นเครง สนุกสนาน ภาพยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยสีสันของสถานบันเทิง คราคร่ำไปด้วยเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวที่ออกมาตระเวนหาความสุข เมื่อยามพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้านับเป็นสิ่งที่คุ้นตายิ่งนัก แต่หากนักท่องเที่ยวเลือกอีกเส้นทางหนึ่ง ก็จะพบกับความสงบของท้องทะเล ความศิวิไลซ์ของธรรมชาติ อย่าง ชายหาดพัทยาเหนือ พัทยากลาง พัทยาใต้ และหาดจอมเทียนที่ทอดยาวไปตามแนวชายฝั่งทะเล หรือแม้แต่กระทั่งน้ำทะเลใส ๆ ของ เกาะล้าน ซึ่งจัดได้ว่ามีความสวยงามอีกแห่งของประเทศไทย 

          และวันนี้กระปุกดอทคอมจะพาเพื่อน ๆ ข้ามน้ำข้ามทะเล ไปทำความรู้จักกับเกาะเล็ก ๆ อีกแห่งหนึ่ง ที่ซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลจาก พัทยา มากนัก นั่นก็คือ เกาะสาก สถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของความงียบสงบ รอให้คนรักธรรมชาติ ชอบการดำน้ำเป็นชีวิตจิตใจ เดินทางไปเชยชมกันค่ะ...

          เกาะสาก เป็นเกาะขนาดเล็ก ห่างจาก เกาะล้าน ไปทางทิศเหนือประมาณ 600 เมตร อยู่ห่างจาก แหลมบาลีฮาย พัทยาใต้ ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 10 กิโลเมตร เกาะสาก มีรูปร่างโค้งเป็นรูปเกือกม้าหงาย มีหาดทราย 2 หาด คือ ทางทิศเหนือและใต้ของเกาะ


เกาะสาก

เกาะสาก
เกาะสาก

เกาะสาก 


          เดิมที เกาะสาก เป็นสถานที่ตากอากาศของตระกูลจุลทรัพย์ เอาไว้สำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ในขณะที่ เกาะล้าน จะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวประมงซะเป็นส่วนใหญ่ ก่อนจะผันมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ในปัจจุบันผู้คนนิยมเดินทางไปท่องเที่ยว เกาะล้าน มากกว่า จึงทำให้ เกาะสาก ยังเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน อีกทั้งธรรมชาติบน เกาะสาก ยังคงสมบูรณ์และสวยงามเหมือนเฉกเช่นเมื่อครั้งอดีต

          จากแนวชายหาดด้านหน้า
 เกาะสาก เมื่อเดินไปด้านหลังจะพบกับแหล่งดำน้ำตื้น นับเป็นเกาะสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติทีเดียว และสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักค้างคืนที่ เกาะสากก็มีบริการที่พักให้

sea

เกาะสาก

เกาะสาก

          สำหรับหาดทรายทั้ง 2 หาดของ เกาะสาก อยู่บริเวณอ่าวด้านเหนือ 1 หาด มีความยาวประมาณ 250 เมตร ปกติเรือนำเที่ยวมักจะจอดให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำบริเวณนี้ เพราะไม่พบหินหรือปะการังอยู่บริเวณหาดเลย ส่วนอีกหาดหนึ่งคือหาดทางตอนใต้ของเกาะ ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับหาดแรก แต่มีทางเดินติดต่อกันได้ ซึ่งหาดนี้เป็นหาดเล็ก ๆ ยาวประมาณ 80 เมตร มีแนวปะการังอยู่บริเวณด้านหน้า เรือนำเที่ยวจึงมักมาจอดให้นักท่องเที่ยวลงดำน้ำแบบ Skis diving ที่บริเวณนี้

          ขณะเดียวกัน กิจกรรมที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางทาง เกาะสาก คือการ ดำน้ำ ทั้งแบบดำสน็อกเกิ้ล และแบบ Sea Walker (Surface air supply) คือการใช้เครื่องอัดอากาศ จากบนผิวน้ำส่งตามสายลงไปให้หายใจที่ใต้น้ำ โดยที่ปลายสายจะมีหมวกกันน้ำครอบศีรษะของผู้ดำน้ำ ซึ่งการดำน้ำแบบSea Walker ไม่ต้องเรียนดำน้ำก็ไปดำได้ลงไปก็เห็นใต้ท้องทะเลได้ รวมไปถึงการกิจกรรมทางน้ำอื่น ๆ เช่น ขี่เจ็ทสกี เล่นบานาน่าโบ๊ท ปั่นจักรยานน้ำ ( Scooter) ฯลฯ

          ทั้งนี้ ปัจจุบันพบรอยประทับฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมงกุฎราชกุมาร สมเด็จพระสังฆราช ประทับไว้เมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2510 ณ เกาะสาก รวมไปถึงรอยประทับฝ่าพระหัตถ์ของกษัตริย์จากราชวงศ์ต่างประเทศ และบุคคลสำคัญจากทั่วโลกอีกด้วย


sea

เกาะสาก

เกาะสาก

การเดินทาง

          ปัจจุบันยังไม่มีเรือโดยสารประจำทางไปยัง เกาะสาก นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือได้ที่ท่าเรือพัทยาใต้ห รือจะเช่าบริเวณชายหาดพัทยาใต้ก็ได้ ราคาแล้วแต่จะตกลงกัน โดยทั่วไปจะตกอยู่ที่ประมาณ 2,000 - 2,500 บาทต่อวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที




ขอขอบคุณข้อมูลจาก
  weekendhobby.com และ pattaya.go.th

เที่ยวทะเล...ชมวัง ดื่มด่ำธรรมชาติริมหาดทราย


เที่ยวทะเล...ชมวัง ดื่มด่ำธรรมชาติริมหาดทราย (เดลินิวส์)
          นึกถึงถิ่นทะเลใสอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แถมเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งความรัก และความหลังของผู้คนหลากหลายยุคสมัย ต้องยกให้กับ ชะอำ...หัวหิน ยิ่งตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงพิจารณาให้กลายมาเป็นจังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย ยิ่งสร้างความสนใจให้กับผู้คนทั่วไปมากขึ้นเป็นกอง ว่าแล้วเพื่อให้สอดคล้องทันกระแส ท่องเที่ยววาไรตี้วันนี้ มีเรื่องราวพร้อมภาพบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจของทั้งสองอำเภอมาฝากกันให้หายคิดถึง

          ออกสตาร์ทจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แนะนำให้ใช้เส้นทางที่สะดวกที่สุดและใกล้ที่สุดนั่นคือ จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (สายธนบุรี- ปากท่อ) ผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม และอำเภอปากท่อ แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 4 ไปจังหวัดเพชรบุรี รวมระยะทางประมาณ 123 กิโลเมตร หรือ จากกรุงเทพฯ 


          เดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านนครปฐม ราชบุรี ไปยังเพชรบุรี เป็นระยะทาง 166 กิโลเมตร จากนั้นขับต่อไปสู่อำเภอหัวหิน ซึ่งเมื่อมาถึงที่นี่ เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนอื่นแนะนำให้ชวนกันไป กราบนมัสการหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่วัดห้วยมงคล

          ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองหัวหินไปทางทิศตะวันตกประมาณ 16 กิโลเมตร โดยองค์ของหลวงพ่อทวดนี้ทำจากโลหะรมดำมีขนาดหน้าตักกว้าง 9.90 เมตร และสูงถึง 11.5 เมตร ตั้งอยู่บนแท่นสูง ดูโดดเด่นเป็นสง่า ท่ามกลางภูมิทัศน์ที่สวยงาม เสร็จสรรพจากการไหว้พระขอพร ท่ามกลางบรรยากาศแดดร่มลมตกยามเย็น คงไม่มีกิจกรรมใดที่ดีไปกว่าการชวนเพื่อนพ้องลงเล่นน้ำ ไหนๆ ก็มาถึงถิ่นวิวสวย น้ำทะเลใสทั้งที ใครไม่ได้ลงไปสัมผัส...เสียดายแย่ !    

   
          "สวนสนประดิพัทธ" คือ สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจที่เรากำลังพูดถึง โดยสถานที่แห่งนี้นับเป็นสถานที่ตากอากาศที่ได้รับความนิยมโดยตลอด มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาเที่ยวไม่ขาดสาย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะบรรยากาศโดยรอบที่ร่มรื่นไปด้วยทิวสน สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย แถมมีบ้านพัก บังกะโลไว้คอยให้บริการ

          สวนสนประดิพัทธ์ อยู่ห่าง จากตัวเมืองหัวหินไปทางใต้ประมาณ 9 กิโลเมตร โดยมีทางแยกจากถนนเพชรเกษมที่กิโลเมตร 240 ตรงเข้า ไปประมาณ 500 เมตร ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของกองทัพบก นักท่องเที่ยว  ที่มาเที่ยวที่นี่ ส่วนใหญ่มักมาเล่นน้ำ และชมวิวทิวทัศน์ ซึ่งจากชายหาด มองทอดสายตาออกไปไกล ๆ สามารถมองเห็นเขาเต่า เขาตะเกียบ และเกาะสิงโต วางเรียงรายตรงหน้าเป็นภาพที่สวยงามประทับใจมาก 

    
          อิ่มหนำสำราญจากการเล่นน้ำทะเล รุ่งเช้าของอีกวันก่อนเดินทางกลับ ชวนกันมาแวะพักผ่อนชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมไม้สักทองกันต่อที่ "พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน" ซึ่งตั้งอยู่บริเวณค่ายพระรามหก ตำบลห้วยทรายเหนือ ตรงหลักกิโลเมตรที่ 216 เลยหาดชะอำมาประมาณ 8 กิโลเมตร สถานที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้แต่เดิมเป็นพระตำหนักที่ประทับริมทะเล

          ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้รื้อพระตำหนักหาดเจ้าสำราญมาปลูกขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2466 ลักษณะเป็นพระตำหนักแบบไทยผสมยุโรป เป็นอาคารไม้ใต้ถุนสูง สร้างด้วยไม้สักทอง พระตำหนักฝ่ายในอยู่ปีกขวา ทางปีกซ้ายเป็นส่วนของฝ่ายหน้า ประกอบด้วยพระที่นั่งสามองค์ที่มีชื่อคล้องจองเชื่อมต่อถึงกันโดยตลอด ได้แก่ พระที่นั่งสมุทรพิมาน พระที่นั่งพิศาลสาคร และพระที่นั่งสโมสรเสว กามาตย์


          พระที่นั่งสมุทรพิมาน เป็นที่ประทับของพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี พระวรราชชายา ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้ตาม เสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2467 และพระที่นั่งแห่งนี้นี่เองคือที่มาของตำนานเล่าขานเรียกชื่อสถานที่แห่งนี้ว่าเป็น "พระราชนิเวศน์แห่งความรักและความหวัง"

          ด้วยเมื่อคราวที่พระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี ทรงพระครรภ์นั้น องค์พระมหาธีร ราชเจ้าทรงพระเกษมสำราญยิ่งด้วยทรงมุ่งหวังว่าจะทรงมีพระปิโยรส แต่ความหวังทั้งมวลก็สิ้นสลายเมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ ไม่สามารถมีพระประสูติกาลได้ ยามนั้น พระองค์ท่านทรงอภิบาลพระมเหสีด้วยน้ำพระทัยเป็นห่วงและเศร้าสร้อย ณ พระที่นั่งสมุทรพิมานแห่งนี้

          ถัดมาที่พระที่นั่งตรงกลาง มีชื่อว่า พระที่นั่งพิศาลสาคร เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ประกอบด้วยห้องต่างๆ สำหรับประทับสำราญพระราชอิริยาบถ ทรงใช้เป็นที่บรรทมและทรงพระอักษร มีอาคารข้าราชบริพารฝ่ายหน้าเป็นบริวาร หลายหลัง พระที่นั่งองค์นี้มีแนวระเบียง ยาวไปถึงห้องเปลี่ยนฉลองพระองค์ยื่นลงสู่ทะเลเพื่อทรงประทับสรงน้ำริมชายหาดด้วย ส่วนพระที่นั่งสุดท้ายคือ พระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ เป็นอาคารโถงสองชั้นเปิดโล่ง ไม่กั้นฝา ใช้เป็น ที่ประชุมในโอกาสต่างๆ และเป็นโรงละครซึ่งเคยจัดแสดงละครครั้งสำคัญมาแล้ว 2 ครั้ง คือ เรื่องพระร่วง และวิวาห์ พระสมุทร

          ปัจจุบันพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันพุธ อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 15 บาท สำหรับคนที่ชื่นชอบโบราณสถาน ผสมผสานกับบรรยากาศพรรณไม้ร่มรื่น น้ำทะเลสีฟ้าสดใส และหาดทรายขาวสะอาดตา บอกได้เลยว่า...อย่าพลาด
          ชื่นชอบทะเล ไม่อยากเดินทางไกล ๆ แถมมีวันหยุดไม่มาก ให้ชายหาดชะอำ...หัวหินเป็นอีกหนึ่งทางเลือก แล้วคุณจะรู้ว่าเป็นความประทับใจที่ไม่อยากลืมทีเดียว


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

โปรโมชั่นท่องเที่ยว

ทัวร์ภูเก็ต เกาะเฮ โปรแกรมดำน้ำลึก

Yoursvacation, ภูเก็ต


371/29 Yaowalaad Road, Phuket Thailand
Pornpak Rakjan
+668 9726 1788
+66 7625 4114
  
 
2,200 บาท ต่อคน
หมวดหมู่: ทัวร์
รายละเอียด: 
เกาะเฮหรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งคือ คอรัลไอแลนด์ เป็นเกาะเล็กๆที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของจังหวัดภูเก็ต
ห่างจากชายฝั่งประมาณ 9 กิโลเมตร เกาะเฮเป็นเกาะที่มีหาดทรายขาวสะอาด และมีประการังน้ำตื้นที่สวยงาม
ท่านสามารถสนุกสนานกับกิจกรรมอันน่าตื่นเต้นบนเกาะไม่ว่าจะเป็น การดำสนอร์กเกิ้ลชมปลาและประการังน้ำตื้น
พาราเซลล์ ซีวอร์คเกอร์ เล่นบานาน่าโบ๊ท และนอกจากกิจกรรมบนเกาะเหล่านี้แล้วยังมีอีกหนึ่งกิจกรรที่น่าสนใจ
นั่นก็คือกิจกรรมดำน้ำลึก ที่พาให้ท่านตื่นตาตื่นใจไปกับโลกใต้ท้องทะเลที่สวยงามไม่ว่าจะเป็นปลาน้ำลึก ดอกไม้ทะเลต่างๆ
การเดินทางไปยังเกาะเฮก็เป็นไปอย่างสะดวกโดยสปีดโบ๊ทเพียง10-15 นาที ทำให้เกาะเฮเปรียบเสมือนสวรรค์น้อยๆ
ของนักท่องเที่ยวผู้ที่ต้องการท่องเที่ยวในรูปแบบที่แตกต่างออกไป
สามารถใช้ได้ตั้งแต่: 1 ต.ค. 2553 - 31 ส.ค. 2554
ราคานี้รวม: 
-รถตู้รับส่งจากโรงแรมที่พัก ไป- กลับ ท่าเรือ (ฟรี เฉพาะท่านที่พักในเมืองภูเก็ต, ป่าตอง, กะตะ, กะรน)

-อาหารกลางวัน

-เสื้อชูชีพ

-ไกด์มีประสบการณ์

-ประกันอุบัติเหตุ


เดินทางโดย : เรือสปีดโบ้ท (เรือเร็ว)

วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

เตรียมตัวก่อนเดินทาง

คู่มือการเตรียมพร้อมในการเดินทางท่องเที่ยวเมื่อเดินทางท่องเที่ยวท่านจะได้รับความคุ้มครองหากใช้บริการของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่
จดทะเบียนกับสำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.)อย่างถูกต้อง

เมื่อเดินทางไปเที่ยวท่านควรจะ
•เลือกใช้บริการของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามประเภท
  ที่ได้รัยอนุญาต(ตรวจดูเลขที่ใบอนุญาต  วัน-เดือน-ปี)  ที่ออกใบอนุญาต/ใบหมดอายุและ
  เลขทะเบียนลงนามถูกต้อง
•ตรวจสอบประวัติของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวทุกครั้ง  จากสำนักงานทะเบียนฯ ททท.
•พิจารณารายการนำเที่ยว  ให้ถูกต้องตรงตามความต้องการท่องเที่ยวในครั้งนั้น  และเมื่อ
 ตกลงใจซื้อรายการนำเที่ยวจากบริษัทดังกล่าวให้เก็บเอกสารรายการนำเที่ยว ใบเสร็จรับเงิน
 ตลอดจนเอกสารต่างๆ  ไว้เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบภายหลัง
•หากมีการเปลี่ยนแปลงรายการนำเที่ยว  กฎหมายระบุให้ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน
 ก่อนเสมอ  หรือกรณีผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวจะจัดรายการทดแทนให้ก็ต้องจัดให้เท่าเทียม
 หรือใกล้เคียงกับรายการที่ได้ตกลงกันไว้
•ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องทำประกันภัยอุบัติเหตุให้แก่นักท่องเที่ยวทุกคนด้วย

ข้อปฏิบัติในการเดินทางท่องเที่ยวทางน้ำ
การเดินทางท่องเที่ยวทางน้ำในฤดูที่เหมาะสมควรเป็นฤดูหนาวและฤดูร้อนเพราะในฤดูฝนการ
เดินทางไม่สะดวก  มีคลื่นลมเป็นอันตรายในการล่องเรือ

ข้อควรปฏิบัติ
1.ตรวจสอบสภาพอากาศ  คลื่นลมล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง  บนเส้นทางควรตรวจ
   สอบเวลาน้ำขึ้น-ลง ล่วงหน้าเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการเดินเรือ
2.เลือกขนาด/ประเภทของเรือให้เหมาะสมกับจำนวนที่เดินทาง  ไม่บรรทุกน้ำหนักเกินขนาดเรือ
3.สวมเสื้อผ้าที่กระชับ  รัดกุม  น้ำหนักเบา แห้งง่าย  สวมรองเท้าแตะที่ถอดง่าย เตรียมหมวก
   กันแดดและเสื้อแจ็กเก็ตผ้ากันลม
4.เตรียมถุงพลาสติก  ใส่กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ต่างๆ ป้องกันการเปียกน้ำ
5.สวมเสื้อชูชีพ หรือเตรียมห่วงยางป้องกันอันตรายเมื่อพลัดตกลงน้ำหรือเรือล่ม
6.หากนำอาหารไปรับประทานในเรือ  เลือกอาหารที่สะดวกในการพกพา  และนำขยะมาทิ้งที่ฝั่ง
7.ถ้าพลัดตกจากเรือให้รีบว่ายน้ำเข้าหาเรือหรือว่ายเข้าฝั่ง
8.ไม่ควรล่องเรือขณะที่ฝนตกหรือมีพายุ
9.ไม่หยอกล้อเล่นกัน  หรือเดินไปมาขณะล่องเรืออาจทำให้เรือล่มได้
10.ไม่ล่องเรือในเวลากลางคืน  เพราะมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน  อาจเกิดอันตรายได้

เตรียมตัวเที่ยวน้ำตก


1.ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับน้ำตกที่จะเดินทางไปเที่ยวในทุกๆด้าน  เช่น  รายละเอียดเกี่ยวกับการ
   เดินทาง สภาพเส้นทางและการเข้าถึงตัวน้ำตก  การขออนุญาตเจ้าของพื้นที่ในกรณีอุทยาน
   แห่งชาติ หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าล่วงหน้าทุกครั้งก่อนออกเดินทาง  เพื่อที่จะจัดวางแผน
   การเดินทางและจัดเตรียมอุปกรณ์ที่เหมาะสมก่อนการเดินทาง
2.หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพพื้นที่โดยทั่วไปรวมถึงที่พักและแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงเพื่อ
   จะได้กำหนดการเดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น
3.ติดต่อสอบถามข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับพื้นที่ที่เราจะเดินทางไป  ไม่ว่าจะเป็นสภาพถนนล่าสุด
   สภาพอากาศ หรือความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ตามฤดูกาลที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจก่อให้เกิด
   ปัญหาที่ยุ่งยากตามมา
4.เตรียมยานพาหนะให้พร้อมหากเป็นรถที่ขับไปเองต้องตรวจสอบสภาพเส้นทางในช่วงนั้น
   เตรียมความพร้อมของพาหนะให้สมบูรณ์หากเป็นรถที่เช่าเหมาไปต้องบอกข้อมูลกับคนขับ
   ให้ทราบเพื่อการเตรียมตัว
5.รองเท้าที่เตรียมไปควรเหมาะกับสภาพของน้ำตก หากเป็นน้ำตกที่รถเข้าถึง ไม่ต้องเดินมาก
   อาจเป็นรองเท้าแตะแบบรัดส้นธรรมดาก็ได้  แต่หากต้องเดินมากในเส้นทางที่ค่อนข้างสมบุก
   สมบันควรใช้ผ้าใบที่สวมสบายๆพร้อมลุยและเปียกน้ำ
6.เตรียมอุปกรณ์แค้มป์  ตั้งแต่เสื้อผ้าเดินป่า  ชุดนอน อุปกรณ์แค้มป์และเสบียงอาหารให้พร้อม
7.บำรุงร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอทำให้การเดินป่าท่องธรรมชาติมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ข้อควรปฏิบัติ
1.เนื่องจากช่วงของการเดินทางเที่ยวน้ำตกมักอยู่ในช่วงฤดูฝนก่อนออกเดินทางจึงควรหาข้อมูล
   เรื่องน้ำป่าและระดับน้ำของสถานทีที่เราจะไป  ขณะเที่ยวชมน้ำตกควรสังเกตว่าธารน้ำมีน้ำเต็ม
   เปี่ยมและไหลแรงขึ้นการเดินข้ามหรือเล่นน้ำควรเพิ่มความระมัดระวัง เพราะน้ำป่าอาจไหล
   หลากมาอย่างรวดเร็วโดยที่เราไม่รู้ตัว
2.การเดินป่าเลาะริมลำห้วยหากจำเป็นต้องตัดข้ามไปมาบ่อยครั้งควรยอมเปียกลงลุยน้ำแทนการ
   กระโดดข้ามบนก้อนหินเพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุจนทำให้บาดเจ็บ
3.ไม่ประมาทหรือหยอกล้อกันบริเวณที่อันตราย เช่น ตามริมผา  น้ำตก  บนโขดหินกลางลำห้วย
   ในช่วงที่น้ำลึกไหลเชี่ยว
4.น้ำตกบางแห่งมีคำเตือนให้ห้ามเล่นน้ำในบางบริเวณ เช่น  ตามแอ่งน้ำวน  น้ำลึก  หรือที่ลาดชัน
   ก่อนถึงผาน้ำตก ควรปฏิบัติตามเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่เกิดขึ้นได้
5.ควรระมัดระวังอย่าให้การเที่ยวน้ำตกของท่านเป็นการรบกวน หรือทำลายธรรมชาติ
6.ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในการเที่ยวน้ำตก
7.ควรเคารพสิทธิ์ผู้อื่นที่เดินทางเข้าไปสัมผัสธรรมชาติร่วมกัน ด้วยการไม่ส่งเสียงรบกวนหรือกระทำ
   การอันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและธรรมชาติอันเป็นการขัดต่อกฎหมาย
8.ไม่ทิ้งขยะในทุกพื้นที่ และช่วยกันรักษาความสะอาด

เตรียมตัวและขอควรปฎิบัติในการเที่ยว

•เตรียมครีมกันแดด  ครีมทาผิว  ชูชีพ
•ใส่เสื้อผ้าที่กระชับ  น้ำหนักเบา  ไม่อุ้มน้ำ
•เล่นน้ำบริเวณใกล้ชายฝั่งทะเล  หรือน้ำตื้นที่น้ำตก
•มีผู้ร่วมเล่นน้ำ  หรือบริเวณใกล้เคียงเผื่อเวลาฉุกเฉิน
•เล่นน้ำช่วงเช้า  หรือบ่ายที่อากาศไม่ร้อนจัด
•หลีกเลี่ยงการเล่นน้ำที่มีแมงกะพรุน
ไม่ควร
•ลงเล่นน้ำขณะมีฝนตก  คลื่นลมแรง
•ทิ้งขยะมูลฝอยลงในน้ำ  บริเวณทางเดิน
•ออกไปเล่นน้ำไกลชายฝั่ง/บริเวณน้ำลึก
•ลงเล่นน้ำคนเดียวหรือเวลากลางคืน
•เก็บ หัก เด็ด ใบไม้ดอกไม้
•ปีนป่าย ก้อนหิน โขดหิน  หน้าผาบริเวณน้ำตก
•ขีดเขียนข้อความบนก้อนหิน

ดำน้ำ  ดูปะการัง


•ฝึกหัดอุปกรณ์ดำน้ำให้ชำนาญ
•เตรียมร่างกายให้พร้อม  ไม่อดนอน ไม่ดื่มสุรา
•เตรียมเช่าอุปกรณ์ดำน้ำให้พร้อม
•เตรียมชุดว่ายน้ำ  ครีมทาผิว
•ตรวจสอบอุปกรณ์ให้พร้อมก่อนใช้งาน
•สวมชุดชูชีพให้พร้อมทุกครั้งก่อนลงน้ำ
•ผูกเรือไว้กับทุ่น  จอดเรือในที่จัดไว้
•ชมปะการังในเฉพาะจุดที่ผู้นำทางกำหนดให้เท่านั้น
•ช่วยเก็บขยะบนท้องทะเลขึ้นมาทิ้งบนฝั่ง
ไม่ควร
•ดำน้ำช่วงที่มีแสงสว่างน้อยหรือช่วงน้ำลงจัด
•ลงดำน้ำ หากร่างกายไม่แข็งแรงพอ มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
•ทิ้งผู้ว่ายน้ำที่ไม่ชำนาญไว้ลำพัง
•ว่ายน้ำออกห่างทุ่นจอดเรือมากเกินไป
•จอดเรือบริเวณแนวปะการัง
•สัมผัสหรือแตะต้องปะการัง
•ทิ้งขยะลงบนชายฝั่งหรือทะเล  เตะตะกอนทรายขึ้นมาทับถมปะการัง
•จับหรือทำลายสัตว์น้ำทุกชนิด
•เก็บปะการัง  กัลปังหา  เปลือกหอย
•ซื้อของที่ระลึกที่ทำจากปะการัง กัลปังหา  ฯลฯ


กิจกรรมล่องแก่ง

การล่องแก่งเป็นกิจกรรมเชิงผจญภัยแบบหนึ่งที่ให้ความตื่นเต้นสนุกสนานอย่างมาก 
รวมทั้งยังมีสภาพธรรมชาติ อันร่มรื่นสวยงามให้ชมตลอดสองฝั่งลำน้ำ  การล่องแก่ง
นับว่าปลอดภัยพอสมควร  หากมีการเตรียมตัวและปฏิบัติตัวโดยยึดหลักความไม่ประมาท
อย่างไรก็ตามผู้ที่สนใจล่องแก่ง ควรว่ายน้ำเป็น หากเกิดอุบัติเหตุจะช่วยเหลือตัวเองได้

ล่องแก่งที่ไหน

มีสถานที่ล่องแก่งได้อย่างสนุกสนานหลายที่ เช่น  อุทยานแห่งชาติแม่จริม  อุทยานแห่ง
ชาติออบหลวง  อุ้มผาง แก่งหินเพลิง ฯลฯ แต่ละแห่งมีเกาะแก่งและระดับความยากง่าย
ต่างกัน  และมีฤดูการล่องแก่งต่างกันด้วย  บางแห่งควรล่องที่น้ำมาก บางแห่งควรล่องใน
ช่วงน้ำน้อย  ดังนั้นควรสอบถามหรือศึกษาข้อมูลจากอุทยานแห่งชาติแต่ละแห่งก่อน

ข้อพึงปฏิบัติในการล่องแก่ง
•สวมหมวกนิรภัยและเสื้อชูชีพทุกครั้งที่ลงเรือ
•ตรวจความเรียบร้อยของอุปกรณ์ทุกชิ้นก่อนลงเรือ
•สวมเสื้อผ้าและรองเท้าแบบสบายๆ  ไม่หนาและรัดจนเดกินไป
•ควรมีอุปกรณ์ยังชีพในป่า
•ช่วงล่องก่งอย่ายื่นอวัยวะใดออกนอกลำเรือ  บังคับให้เท้านำหน้า  ให้น้ำพัดไปจนพ้น
 แก่งแล้วค่อยปีนกลับขึ้นเรือหรือว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง
•ที่สำคัญที่สุดคือ ปฏิบัติตามระเบียบและคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด

การเตรียมของใช้เดินป่า

เสื้อผ้า  ควรเป็นเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวที่แห้งง่ายและสวมใส่สบายเตรียมไว้
ประมาณ 3 ชุด  ชุดหนึ่งใส่ช่วงกลางวัน  ชุดหนึ่งใส่สำหรับก่อนนอน  และชุดสุดท้าย
สำหรับใส่เดินทางกลับ เสื้อกันหนาวหรือเสื้อกันฝนก็ควรเตรียมไปด้วยตามฤดูกาลและ
สภาพอากาศของพื้นที่นั้น

รองเท้า ควรใช้รองเท้าหุ้มส้นหรือหุ้มข้อ  ไม่ควรมีพื้นแข็งหรืออ่อนจนเกินไปและมี
ขนาดพอเหมาะไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป และไม่มีน้ำหนักมากเกินไป  และควรสวมถุงเท้า
เพื่อป้องกันรองเท้ากัด

หมวก เพื่อใช้บังแดดและป้องกันหนามเกี่ยวศีรษะขณะเดินลอดกิ่งไม้

เป้สัมภาระ ควรมีขนาดเหมาะสมกับลำตัวของเจ้าของและจำนวนสัมภาระ  โดยปกติเป้
เมื่อใส่สัมภาระแล้วไม่ควรมีน้ำหนักเกินร้อนละ  20  ของน้ำหนักตัว  หากเป้มีน้ำหนักมาก
ควรใช้สายคาดเอวเพื่อถ่ายเทน้ำหนักส่วนหนึ่งจากที่บ่ามาให้ลำตัว  บริเวณส่วนเอวช่วยรับ
น้ำหนักด้วย

เต็นท์พักแรม
ควรใช้ขนาดและจำนวนที่เหมาะกับจำนวนคน เปลสนามก็เป็นอีกทางเลือก
หนึ่ง เพราะเบาและกะทัดรัด  แต่ที่ขาดไม่ได้เลยคือผ้าพลาสติกกางขึงเหนือเต็นท์ หรือ
เปลสนามเพื่อกันน้ำค้างและน้ำฝน


อุปกรณ์จำเป็นอื่นๆ
ควรจัดอุปกรณ์ที่จำเป็นติดตัวไป เช่น ยาประจำตัว ถุงนอน ไฟฉาย
มีดเอนกประสงค์  กระติกน้ำ ชุดเครื่องครัวสนาม ถุงขยะ  ไฟแช็ก  เชือกร่มยาว  2-3 เมตร
จำนวน 2-3 เส้น

เสบียง ควรเตรียมไว้ประมาณให้เกิน 2 มื้อ เผื่อเกิดเหตุให้ต้องอยู่ป่านานกว่ากำหนด และ
ควรเผื่อเสบียงสำหรับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติที่ช่วยนำทางไว้บ้าง

ข้อพึงปฏิบัติในการเดินป่า
•เดินเรื่อยๆไม่ต้องรีบและเดินด้วยความเร็วสม่ำเสมอ
•ควรเดินเรียงเดี่ยว ให้มองเห็นคนที่เดินอยู่ข้างหน้าเสมอ หากเดินนำจนมองไม่เห็นผู้ที่เดิน
 ตามหลัง  ตามมาจนอยู่ในระยะที่มองเห็นกันได้
•ไม่ควรส่งเสียงดัง  นอกจากเปลืองพลังงานแล้ว ยังลดทอนโอกาสพบสัตว์ป่าตามเส้นทาง
•ควรพัก 5-10 นาที ทุก 1-2 ชั่วโมง  แต่อย่าพักบ่อยเกิน  เพราะจะทำให้เหนื่อยยิ่งขึ้น
•ไม่ควรเดินออกนอกเส้นทาง และไม่ควรเดินป่าตามลำพัง
•เมื่อพบแหล่งน้ำที่สามารถดื่มได้ควรเติมน้ำให้เต็มกระติกเสมอ


ข้อมูลจาก
http://www.108holidays.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538727161

Service Mind

   
 การพัฒนาบุคลากรมีความจำเป็นต่อวิชาชีพการบริการ เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพของบุคคลหน่วยงานหรือ
องค์กร ดังนั้นการบริการที่ดีจะเกิดขึ้นจากตัวบุคคล โดยอาศัยทักษะ ประสบการณ์   เทคนิค ต่าง ๆ ที่จะทำให้

ผู้รับบริการเกิดความพึงพอใจ  และอยากกลับเข้ามาใช้บริการอีก มีดังต่อไปนี้



·       ต้องมีจิตใจรักในงานด้านบริการ (Service Mind)  ผู้ให้บริการต้องมีความสมัครใจทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ มีความเสียสละ ผู้ที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้ต้องมีใจรักและชอบในงานบริการ

              Service Mind  มีความหมายดังนี้

S  =  Smile                     ต้องมีรอยยิ้ม

E =  Enthusiasm           ความกระตือรือร้น เอาใจใส่ลูกค้า

R =  Responsiveness     มีความรับผิดชอบในหน้าที่ที่มีต่อลูกค้า

V =  Value                      ให้บริการลูกค้าอย่างมีคุณค่า

 I  =  Impression            ให้บริการอย่างประทับใจ

                     C = Courtesy                 บริการลูกค้าอย่างสุภาพอ่อนโยน

                     E =  Endurance             ความอดทนการเก็บอารมณ์                                           

                    M =  Make Believe         มีความเชื่อ

                    I   = Insist                        การยอมรับ

                    N = Necessitate               การให้ความสำคัญ

                    D =  Devote                     การอุทิศตน

                 

·       ต้องมีความรู้ในงานที่ให้บริการ (Knowledge)  ผู้ให้บริการต้องมีความรู้ในงานที่ตนรับผิดชอบ 

ที่สามารถตอบข้อซักถามจากผู้รับบริการได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ ในเรื่องของสินค้าที่นำเสนอ

ประวัติองค์กร ระเบียบ นโยบายและวิธีการต่าง ๆ ในองค์กร        เพื่อมิให้เกิดความผิดพลาด

              เสียหาย และ ต้องขวนขวายหาความรู้จาก เทคโนโยลีใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ

·       มีความช่างสังเกต (Observe)    ผู้ทำงานบริการจะต้องมีลักษณะเฉพาะตัวเป็นคนมีความช่างสังเกต เพราะหากมีการรับรู้ว่าบริการอย่างไรจึงจะเป็นที่พอใจของผู้รับบริการก็จะพยายามนำมาคิดสร้างสรรค์  ให้เกิดบริการ ที่ดียิ่งขึ้น เกิดความพอใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าหรือผู้รับบริการได้ มากยิ่งขึ้น

·       ต้องมีความกระตือรือร้น (Enthusiasm)  พฤติกรรมความกระตือรือร้น จะแสดงถึงความมีจิตใจในการต้อนรับ  ให้ช่วยเหลือแสดงความห่วงใย จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดี ในการช่วยเหลือผู้รับบริการ

·       ต้องมีกิริยาวาจาสุภาพ (Manner)   กิริยาวาจาเป็นสิ่งที่แสดงออกจากความคิด ความรู้สึก และส่งผล

ให้เกิดบุคลิกภาพที่ดี  ดังนั้นเพื่อให้ลูกค้าหรือผู้รับบริการมีความสบายใจที่จะติดต่อขอรับบริการ

·       ต้องมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Creative) ผู้ให้บริการควรมีความคิดใหม่ ๆ ไม่ควรยึดติดกับ

ประสบการณ์หรือบริการที่ทำอยู่ เคยปฏิบัติมาอย่างไรก็ทำไปอย่างนั้นไม่มีการปรับเปลี่ยนวิธีการ

ให้บริการจึงควรมีความคิดใหม่ ๆ ในการปฏิรูปงานบริการได้ดี

·       ต้องสามารถควบคุมอารมณ์ได้ (Emotional control)  งานบริการเป็นงานที่ให้ความช่วยเหลือจากผู้อื่น ต้องพบปะผู้คนมากมายหลายชนชั้น  มีการศึกษาที่ต่างกัน ดังนั้นกิริยามารยาทจากผู้รับบริการจะแตกต่างกัน เมื่อผู้รับบริการไม่ได้ตั้งใจ อาจจะถูกตำหนิ พูดจาก้าวร้าว กิริยามารยาทไม่ดี ซึ่งผู้ให้บริการต้องสามารถควบคุมสติอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

·       ต้องมีสติในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น (Calmness)   ผู้รับบริการส่วนใหญ่จะติดต่อขอความช่วยเหลือตามปกติ แต่บางกรณีลูกค้าที่มีปัญหาเร่งด่วน ผู้ให้บริการจะต้องสามารถวิเคราะห์ถึงสาเหตุและคิดหาวิธีในการแก้ไขปัญหาอย่างมีสติ อาจจะเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดจากหลายทางเลือกในการให้บริการแก่ลูกค้า

·       มีทัศนคติต่องานบริการดี  (Attitude)  การบริการเป็นการช่วยเหลือ ผู้ทำงานบริการเป็นผู้ให้ จึงต้องมีความคิดความรู้สึกต่องานบริการในทางที่ชอบ และเต็มใจที่จะให้บริการ ถ้าผู้ใดมีความคิดความรู้สึกไม่ชอบงานบริการ แม้จะพอใจในการรับบริการจากผู้อื่น ก็ไม่อาจจะทำงานบริการให้เป็นผลดีได้  ถ้าบุคคลใดมีทัศนคติต่องานบริการดี ก็จะให้ความสำคัญต่องานบริการ และปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ เป็นผลให้งานบริการมีคุณค่าและนำไปสู่ความเป็นเลิศ



·       มีความรับผิดชอบต่อลูกค้าหรือผู้รับบริการ (Responsibility)   ในด้านงานทางการตลาด และการขาย และงานบริการ การปลูกฝังทัศนคติให้เห็นความสำคัญของลูกค้าหรือผู้รับบริการด้วยการยกย่องว่า ลูกค้าคือบุคคลที่สำคัญที่สุด   และ ลูกค้าเป็นฝ่ายถูกเสมอ ทั้งนี้ก็เพื่อให้  ผู้ให้บริการมีความรับผิดชอบต่อลูกค้าอย่างดีที่สุด

โดย ศิริพร วิษณุมหิมาชัย สาขาวิชาการตลาด มหาวิทยาลัยพายัพ

ชวนเที่ยว Palio Khao yai

          วันหยุดนี้ไปไหนกันดี...! ขอทริปการเดินทางแบบสั้นๆ ถึงที่หมายใน 2-3 ชั่วโมง แต่ได้สูดโอโซนแบบเต็มๆ ปอด อาหารถูกปาก เดินลั๊นลาทอดน่อง อวดชุดเปรี้ยวจี๊ด ขาสั้นอินเทรนด์สะท้านลมหนาว ถ้าจะให้ดี...ต้องมีมุมจิบกาแฟให้นั่งพัก เม้าท์มอยแบบขำๆ เต็มพรืดด้วยร้านค้าเก๋ไก๋แนวฮิปๆ และมุมโพสต์ท่าแจ่มๆ  กลับมาอวดเพื่อนๆ ให้เกิดอาการอิจฉาตาวาว แต่ตอนนอนขอเปรี้ยว ไม่สน รีสอร์ท ขอนอนเต้นท์ดูลิงข่างบ่างชะนี ผจญภัยเล็กๆ กับการส่องสัตว์ยามค่ำคืน แบบนี้มีมั๊ย...?


แก๊งเพื่อนก๊วนเที่ยว ถึงกับต้องรีบยกหู กริ๊งกร๊าง ไปที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ขอจองพื้นที่กางเต็นท์ทันที มีลุ้นนิดหน่อยถ้าที่ยังพอมีที่ให้กางเต็นท์ เห็นทีทริปนี้จะเพอร์ฟ็คท์ตามโจทย์ที่เพื่อนสาวให้มา...ไม่นานนักได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ว่า ยังไม่เต็มครับจองได้เลย...นี่คือจุดเริ่มของการเดินทางสู่เขาใหญ่และแหล่งท่องเที่ยวระหว่างทาง ที่กำลังฮ็อตอินเทรนด์ “ปาลิโอ เขาใหญ่” ชื่อเก๋ไก๋ คอมมูนิตี้มอลล์ สไตล์อิตาลี ที่ตั้งอยู่บนถนนธนะรัชต์ บนหลักกิโลเมตรที่ 17 ติดกับโรงแรมจุลดิศ เขาใหญ่ รีสอร์ท แอนด์ สปา
จุดแวะพักอินเทรนด์แห่งนี้ กำลังเป็นที่โปรดปรานของบรรดาสาวๆ ด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยสะดุดตาแปลกกว่าแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่เคยมีมา ออกแบบรูปทรงอาคารและพื้นที่บริเวณรอบๆ ให้เป็นวอล์คกิ้ง สตรีท คอมมูนิตี้ “ถนนคนเดิน” ร้านค้าขนาดกะทัดรัดที่เรียงรายเป็นระเบียบตามสไตล์ยุโรป ตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะ สินค้าแนวกิ๊บเก๋น่าซื้อไปซะทุกอย่าง มุมพักผ่อนนั่งเล่นเย็นๆ ใจ รายล้อมด้วยต้นไม้ ดอกไม้สีสด น้ำพุกลางลาน จิบกาแฟ ทอดสายตาดูผู้คนที่แวะเวียนเข้ามาไม่ขาดระยะ จับกลุ่มโพสต์ท่า ออกแอ็คชั่นหลากหลายลีลา ถ่ายรูปมุมโน้น มุมนี้อย่างเพลิดเพลิน
ปาลิโอ แห่งนี้ยังส่งมอบความสุขให้กับสาวๆ หนุ่มๆ แบบเต็มอิ่ม ด้วยการดีไซน์ให้พื้นที่ทุกตารางเมตร เป็นที่ตั้งของร้านค้าขนาดเล็กๆ จำหน่ายสินค้านานาชนิด ตั้งแต่ของตกแต่งบ้านสไตล์คันทรี ที่เป็นสินค้าในประเทศและสินค้านำเข้าน่ารักจากต่างประเทศ ร้านจำหน่ายภาพวาดจากฝีมือของจิตรกรผู้โด่งดัง ร้านจำหน่ายผ้าลูกไม้ ร้านจำหน่าย ผักสลัด ร้านไอศกรีม ร้านจำหน่ายเสื้อผ้า และอีกมากมายก่ายกอง
ถึงตอนนี้อดใจไม่ไหวที่จะขอแนะนำ ร้านค้าสัก 2-3 ร้าน ที่เด่นสะดุดตาและเป็นแมกเน็ทของปาลิโอ ชื่อร้าน My Goodness ตกแต่งแบบโล่ง โปร่งสบาย ลูกค้าสามารถเดินชมสินค้าได้ทั้งจากทางหน้าร้านและหลังร้าน ภายในเต็มไปด้วยของตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์แนวน่ารัก ทั้งจากในประเทศและที่นำเข้าจากต่างประเทศ ของตกแต่งบ้านแนวกระจุกกระจิ๊ก ตั้งแต่เก้าอี้ตัวน้อย ป้ายติดผนังมีกระดิ่งแขวนนำเข้าจากต่างประเทศสไตล์ยุโรป โคมไฟสไตล์อาร์ทๆ กระถางต้นไม้มีดีไซน์ นาฬิกาแขวน และตั้งโต๊ะ ส่วนใหญ่เป็นงานดีไซน์ ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ทีชื่นชอบการแต่งบ้าน
ข้อมูลจาก http://www.peppermintfield.com/community/chill-out-field/lets-go

การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน (Sustainable Tourism)

     การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน (Sustainable Tourism)

    บุญเลิศ   จิตตั้งวัฒนา   (2542)   ได้ให้ความหมายการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน (Sustainable Tourism) ว่าหมายถึงการท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่หรือกลุ่มเล็กที่มีการจัดการอย่างดีเยี่ยม เพราะสามารถดำรงไว้ซึ่งทรัพยากรท่องเที่ยวให้มีความดึงดูดใจอย่างไม่เสื่อมคลาย และธุรกิจท่องเที่ยวมีการปรับปรุง คุณภาพให้ได้ผลกำไรอย่างเป็นธรรม โดยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมเยือนสม่ำเสมออย่างเพียงพอ แต่มีผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดอย่างยืนยาว
          1.  ลักษณะการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน
               การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน มีลักษณะสำคัญอยู่ 6 ประการดังนี้ คือ
               1.1  เป็นการท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวทุกประเภท ทุกแห่ง
               1.2  เป็นการท่องเที่ยวที่เน้นคุณค่าและความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละแหล่งท่องเที่ยว
               1.3  เป็นการท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อทรัพยากรการท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม
               1.4  เป็นการท่องเที่ยวที่ให้นักท่องเที่ยวได้รับความรู้และประสบการณ์เกี่ยวข้องกับธรรมชาติและวัฒนธรรม
               1.5  เป็นการท่องเที่ยวที่ให้ผลตอบแทนแก่ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวอย่างยืนยาว
               1.6  เป็นการท่องเที่ยวที่ให้ผลประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่น และคืนผลประโยชน์กลับสู่ทรัพยากรท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น
          2.  หลักการการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน 
               การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน มีหลักการดังนี้ (อุษาวดี พูลพิพัฒน์, 2545)
               2.1  การอนุรักษ์และการใช้ทรัพยากรอย่างพอดี (Using Resource Sustainable )ทั้งในส่วนที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติ สังคม และวัฒนธรรมเป็นสิ่งสำคัญและเน้นการทำธุรกิจในระยะยาว
               2.2  การลดการบริโภคที่เกินความจำเป็นและการลดของเสีย (Reducing Over-consumption and Waste) จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการทำนุบำรุงสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลายในระยะยาว และเป็นการเพิ่มคุณภาพของการท่องเที่ยวด้วย
               2.3  การรักษาและส่งเสริมความหลากหลายของทรัพยากรธรรมชาติ (Maintaining Diversity )สังคม และวัฒนธรรม จะช่วยขยายฐานของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในอนาคต
               2.4  การประสานการพัฒนาการท่องเที่ยว (Integrating Tourism into Planning) เข้ากับกรอบแผนกลยุทธ์การพัฒนาแห่งชาติ การพัฒนาท้องถิ่น และการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม จะช่วยขยายศักยภาพการท่องเที่ยว
               2.5  การท่องเที่ยวที่รองรับกิจกรรมในท้องถิ่น(Supporting Local Economic)โดยคำนึงถึงราคาและพัฒนาคุณค่าของสิ่งแวดล้อมไว้ ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดการประหยัด แต่ยังป้องกันสิ่งแวดล้อมไม่ให้ถูกทำลายอีกด้วย
               2.6 เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น( Involving Local Communities) ในด้านการจัดการผลตอบแทนของประชาชน และสิ่งแวดล้อมเพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและการจัดการการท่องเที่ยว
               2.7  การประสานความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการ ประชาชนท้องถิ่น องค์กรและสถาบันที่เกี่ยวข้อง (Consulting Stakeholders and the Public) เพื่อลดข้อขัดแย้งและร่วมแก้ปัญหา
               2.8  เป็นการฝึกอบรมบุคลากร (Training Staff )โดยสอดแทรกแนวคิดและวิธีปฏิบัติในการพัฒนาแบบยั่งยืนแก่บุคลากรท้องถิ่นทุกๆระดับ เพื่อยกระดับการบริการการท่องเที่ยว
               2.9  ข้อมูลข่าวสารที่สื่อให้กับนักท่องเที่ยว โดยมุ่งสร้างความเข้าใจในการเคารพต่อธรรมชาติ สังคม และวัฒนธรรมที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว (Marketing Tourism Responsibly) อีกทั้งเป็นการช่วยยกระดับความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง
               2.10 การวิจัยและติดตามผล (Undertaking Research)  เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพในการดำเนินงาน  รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคต่างๆ  เพื่อนำไปสู่แนวทางการแก้ไขที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
          3.  ลักษณะของการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน 
               การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ควรมีลักษณะดังต่อไปนี้ (อุษาวดี พูลพิพัฒน์ผล, 2545)
               3.1 เป็นการท่องเที่ยวที่มีความต่อเนื่อง (Continuity) หมายถึง ความต่อเนื่องของทรัพยากรธรรมชาติ และความต่อเนื่องของวัฒนธรรมซึ่งจัดเป็นทรัพยากรหลักในการท่องเที่ยว และสามารถมอบประสบการณ์นันทนาการที่ดีให้แก่นักท่องเที่ยว
               3.2 เป็นการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ (Quality) หมายถึงการเน้นคุณภาพของสามส่วนหลัก คือ คุณภาพของสิ่งแวดล้อม คุณภาพของประสบการณ์ นันทนาการที่นักท่องเที่ยวได้รับ และคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน
               3.3 เป็นการท่องเที่ยวที่มีความสมดุล (Balance) หมายถึงความสมดุลระหว่างความต้องการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ความต้องการของชุมชนท้องถิ่นและขีดความสามารถของทรัพยากร


บทความโดย : สาระดีดี.คอม